zhmyfn.jpg

ลางสาด

อุตรดิตถ์.

zhM3Yg.jpg

เขื่อนสิริกิต์

อุตรดิตถ์.

zkW3bZ.jpg

หลวงพ่อเพชร

อุตรดิตถ์.

zkdjqI.jpg

ภูสอยดาว

อุตรดิตถ์.

zZ3ydf.jpg

สับปะรด ห้วยมุ่น

อำเภอน้ำปาด จ.อุตรดิตถ์

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สถานที่ท่องเที่ยว อุตรดิตถ์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สถานที่ท่องเที่ยว อุตรดิตถ์ แสดงบทความทั้งหมด

13/07/2560

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว - Phu soi dao National Park

ภูสอยดาว

เป็นเขตติดต่อระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และติดกับเขตอำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ได้รับการบรรจุให้เป็น UNSEEN IN THAILAND ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 13 พศจิกายน 2543 ด้านบนมีลานดอกหงอนพยานาค และต้นกระโถนฤาษี พื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตรขึ้นไป มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี มีจุดตั้งเต้นท์พักแรมและลูกหาบบริการ ควรขึ้นไปเที่ยวชมในช่วงเดือน ตุลาคม-มกราคม เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่สวยงามมาก












อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ต.ห้วยมุ่น  อ. น้ำปาด  จ. อุตรดิตถ์   53110
โทรศัพท์ 0 5543 6001-2   อีเมล phusoidao07@hotmail.com
ปฏิทินการจองที่พัก-บริการ


11/07/2560

Sirikit Dam

เขื่อนสิริกิต์

 เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก่อสร้างขึ้น ตามโครงการพัฒนา  ลุ่ม น้ำน่าน เดิมชื่อ "เขื่อนผาซ่อม" ต่อมาได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถขนานนามว่า "เขื่อนสิริกิติ์" เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2511 ก่อสร้างขึ้น ปิดกั้นแม่น้ำน่าน ณ บริเวณเขาผาซ่อม ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 58 กิโลเมตร  

ลักษณะเขื่อนและโรงไฟฟ้า
           เขื่อนสิริกิติ์เป็นเขื่อนดินมีแกนเป็นดินเหนียว สูงจากท้องน้ำ 113.60 เมตรสันเขื่อน อยู่สูงกว่าน้ำทะเลปานกลาง 169 เมตร กว้าง 12 เมตร โดยมีฐานตอนกว้างสุด 630 เมตร การก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ทำให้เกิดอ่างเก็บขนาดใหญ่ เหนือเขื่อนมีเนื้อที่ 260 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 162,500 ไร่ มีความยาวตามลำน้ำขึ้นไปจนจรดที่ราบ ของ อำเภอสา จังหวัดน่าน 129 กิโลเมตร ส่วนกว้างที่สุด 20 กิโลเมตร

บริการบ้านพัก ร้านอาหาร/ห้องประชุม สนามกอล์ฟ สถานที่ท่องเที่ยวในเขื่อนสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง นวดแผนไทยบริการห้องฟิตเนส





ติดต่อสอบถามได้ที่...
กฟผ.เขื่อนสิริกิติ์ 40 หมู่ 10 ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ 53190
ประชาสัมพันธ์ ( เวลาทำการ ) โทร 0-554-61136 (ตรง), 0-5546-1150 ต่อ 3030 ,3031 โทรสาร 3038 email : pr.sk@egat.co.th

10/07/2560

อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ - Ton Sak Yai National Park

ต้นสักใหญ่ที่สุดในโลก

วนอุทยานต้นสักใหญ่ อยู่ที่บ้านปางเกลือ ตำบล น้ำไคร้ อำเภอน้ำปาด ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 53 กิโลเมตร มีอาณาเขตประมาณ 20,000 ไร่ ประกอบด้วยไม้เบญจพรรณประกอบด้วย ไม้ประดู่แดง  มะค่าโมง พยอม เป็นองค์ประกอบ ป่าธรรมชาติดังกล่าวปรากฎตามเนินเขาสูง ต่ำ ๆ สลับกันไปเป็นทิวทัศน์สวยงามมากและที่สำคัญวนอุทยานนี้ มีต้นสักที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ มีความสูงถึง 47 เมตร วัดรอบต้นได้ 9.58 เมตร มีอายุราว 1,500

ปี โดยอาศัยการเทียบเคียงขนาดและจำนวนปีจากตอไม้สักบริเวณใกล้เคียง ปัจจุบันเหลือความสูงประมาณ 37 เมตร เนื่องจากส่วนยอดถูกลมพายุพัดหักแต่ลำต้นทั่วไปยังคงอยู่ในสภาพที่ดี

วนอุทยานต้นสักใหญ่ ไม่มีบ้านพักหรือค่ายพักแรมบริการแก่นักท่องเที่ยว หากนัก ท่องเที่ยวมีความประสงค์จะไปพักแรมค้างคืนและพักผ่อนหย่อนใจ หรือศึกษาหาความรู้ทางธรรมชาติ โปรดนำเต้นท์ไปกางเอง โดยทางวนอุทยานได้จัดสถานที่ไว้ให้พร้อมกับห้องสุขา ส่วนเรื่องอาหารต้องจัดเตรียมไปเอง แล้วไปติดต่อขออนุญาตใช้สถานที่กับเจ้าหน้าที่วนอุทยานต้นสักใหญ่โดยตรง รายละเอียดสอบถามได้ที่สำนักงานป่าไม้เขตพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โทร. (055) 248408 หรือที่ฝ่ายจัดการวนอุทยาน ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ เขตจตุจักร กรุงเทพ ฯ 10900 โทร. 5614292 - 3 ต่อ 719 ในวันและเวลาราชการ

 




09/07/2560

Laplae Museum

พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล

เมืองลับแลนั้นเป็นอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่เดิมคงเป็นเมืองที่การเดินทางไปมาไม่สะดวก เส้นทางคดเคี้ยว ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับแล ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น มีเรื่องเล่ากันว่าคนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแล

ประติมากรรมแม่ม่ายเมืองลับแล บริเวณประตูเมืองลับแล (ใหม่) แสดงถึงตำนานเล่าขานของเมืองลับแลอันเป็นที่เลื่องลือมาช้านาน

ตำนานเมืองลับแล

ตำนานนี้เล่ากันสืบมาว่า ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่ง (น่าจะเป็นคนเมืองทุ่งยั้ง) เข้าไปในป่า ได้เห็นหญิงสาวสวยหลายคนเดินออกมา ครั้นมาถึงชายป่า นางเหล่านั้นก็เอาใบไม้ที่ถือมาไปซ่อนไว้ในที่ต่างๆ แล้วก็เข้าไปในเมือง ด้วยความสงสัยชายหนุ่มจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง ตกบ่ายหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา ต่างก็หาใบไม้ที่ตนซ่อนไว้ ครั้นได้แล้วก็ถือใบไม้นั้นเดินหายลับไป มีหญิงสาวคนหนึ่งหาใบไม้ไม่พบ เพราะชายหนุ่มแอบหยิบมา นางวิตกเดือดร้อนมาก ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวให้เห็นและคืนใบไม้ให้ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือ ขอติดตามนางไปด้วยเพราะปรารถนาจะได้เห็นเมืองลับแล หญิงสาวก็ยินยอม นางจึงพาชายหนุ่มเข้าไปยังเมืองซึ่งชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง นางอธิบายว่าคนในหมู่บ้านล้วนมีศีลธรรม ถือวาจาสัตย์ ใครประพฤติผิดก็ต้องออกจากหมู่บ้านไป ผู้ชายส่วนมากมักไม่รักษาวาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด แล้วนางก็พาชายหนุ่มไปพบมารดาของนาง ชายหนุ่มเกิดความรักใคร่ในตัวนางจึงขออาศัยอยู่ด้วย มารดาของหญิงสาวก็ยินยอม แต่ให้ชายหนุ่มสัญญาว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม ไม่พูดเท็จ ชายหนุ่มได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวลับแลจนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน

วันหนึ่งขณะที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน ชายหนุ่มผู้พ่อเลี้ยงบุตรอยู่ บุตรน้อยเกิดร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหยุด ผู้เป็นพ่อจึงปลอบว่า "แม่มาแล้วๆ" มารดาของภรรยาได้ยินเข้าก็โกรธมากที่บุตรเขยพูดเท็จ เมื่อบุตรสาวกลับมาก็บอกให้รู้เรื่อง ฝ่ายภรรยาของชายหนุ่มเสียใจมากที่สามีไม่รักษาวาจาสัตย์ นางบอกให้เขาออกจากหมู่บ้านไปเสีย แล้วนางก็จัดหาย่ามใส่เสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้สามี พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปด้วยเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็พาสามีไปยังชายป่า ชี้ทางให้ แล้วนางก็กลับไปเมืองลับแล ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรก็จำต้องเดินทางกลับบ้านตามที่ภรรยาชี้ทางให้ ระหว่างทางที่เดินไปนั้น เขามีความรู้สึกว่าถุงย่ามที่ถือมาหนักขึ้นเรื่อยๆ และหนทางก็ไกลมาก จึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ทิ้งเสียจนเกือบหมด ครั้นเดินทางกลับไปถึงหมู่บ้านเดิม บรรดาญาติมิตรต่างก็ซักถามว่าหายไปอยู่ที่ไหนมาเป็นเวลานาน ชายหนุ่มจึงเล่าให้ฟังโดยละเอียดรวมทั้งเรื่องขมิ้นที่ภรรยาใส่ย่ามมาให้แต่เขาทิ้งไปเกือบหมด เหลืออยู่เพียงแง่งเดียว พร้อมทั้งหยิบขมิ้นที่เหลืออยู่ออกมา ปรากฏว่าขมิ้นนั้นกลับกลายเป็นทองคำทั้งแท่ง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจและเสียดาย จึงพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้ ปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้งอกเป็นต้นไปหมดแล้ว และเมื่อขุดดุก็พบแต่แง่งขมิ้นธรรมดาที่มีสีเหลืองทอง แต่ไม่ใช่ทองเหมือนแง่งที่เขาได้ไป เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล แต่ก็หลงทางวกวนไปไม่ถูก จนในที่สุดก็ต้องละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตนตามเดิม

ที่มา : https://th.wikipedia.org/WIKI/อำเภอลับแล